Archive for September, 2010

การเป็นกรรมการตัดสินงานออกแบบ

Friday, September 17th, 2010

ในช่วงเวลาประมาณหนึ่งปีที่ผ่านมา มีกิจกรรมใหม่เกิดขึ้นกับชีวิต คือ ได้มีโอกาสเป็นหนึ่งในคณะกรรมการตัดสินงานประกวดออกแบบ, คณะกรรมการตรวจหัวข้องานศิลปนิพนธ์ และตรวจงานศิลปนิพนธ์ ทั้งหมดนี้ทำให้กลับมานั่งทบทวนแล้วได้ข้อสรุปจากความเห็นส่วนตัวที่นำมาบันทึกไว้ที่นี่

การตัดสินการประกวดงานออกแบบ

  • การประกวดไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดในการหางานที่ดีที่สุดหรือเหมาะสมที่สุดเสมอไป แต่สำหรับผู้จัด นี่เป็นวิธีที่ลงทุนแล้วได้ผลเชิงปริมาณชัดเจนที่สุด วัดผลได้จากจำนวนผู้ส่งผลงานเข้าประกวด
  • เราไม่สามารถตัดสินผลงานได้อย่างเหมาะสมโดยไม่ได้รับฟังการนำเสนอของเจ้าของงานได้
  • มีบุคคล หรือกลุ่มบุคคล ที่ตั้งใจหากินกับการทำงานประกวดอย่างจริงจัง ส่งทุกงานเท่าที่จะทำได้ เพราะเป็นงานที่จบเร็ว ได้ตังค์โดยไม่ยุ่งยาก
  • มาตรฐานของการประกวดงานออกแบบ ขึ้นอยู่กับการคัดเลือกคณะกรรมการ

การตรวจหัวข้องานศิลปนิพนธ์

  • โลกทุกวันนี้ จะหาหัวข้อที่ใหม่ มีประโยชน์ และน่าสนใจจริงๆ ยากขึ้นเรื่อยๆ
  • การนำความสนใจส่วนตัวมาเป็นหัวข้อ ทำให้นักศึกษา “อิน” กับสิ่งที่จะทำ แต่ควรต้องหาเหตุผลมารองรับให้ครบถ้วน เพราะสุดท้าย งานออกแบบก็ไม่ใช่งานศิลปะ ต้องมีกลุ่มเป้าหมาย วัตถุประสงค์ และผลที่คาดหวังชัดเจน ไม่ใช่ทำเพื่อตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของเจ้าของโครงการ
  • กรรมการไม่ควรยัดเยียดความคาดหวังของตัวเองให้กับนักศึกษามากเกินไป จริงอยู่ที่ความตั้งใจจะผลักดันนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องคำนึงถึงความถนัด และศักยภาพของเจ้าของโครงการด้วย
  • ปัญหาคือ ถ้าคำว่า “กรรมการ” คือ เข้าไปตัดสินว่าถูกต้องหรือไม่ เหมาะสมหรือไม่ เท่านั้นแล้วจบ อะไรก็คงไม่ยาก แต่กรรมการก็อดไม่ได้ที่ทำจะหน้าที่โดยมีบทบาทของการเป็น “อาจารย์” หรือ “ที่ปรึกษา” รวมอยู่ด้วย

การตรวจงานศิลปนิพนธ์

  • หัวข้อดี, บรีฟดี มีชัยไปกว่าครึ่ง
  • การเลือกหัวข้อ และสื่อที่เหมาะสมกับความสนใจ และความสามารถของเจ้าของโครงการ เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อคุณภาพงานอย่างชัดเจน
  • หลายครั้งที่ขณะตรวจจะคิดไปถึงว่า “ถ้านักศึกษาคนนี้จบไปแล้ว จะนำทักษะ หรือความรู้ที่ได้จากงานชิ้นนี้ไปใช้ได้อย่างไรในการทำงานจริง”
  • คำว่า “ยิง” ที่นักศึกษาชอบพูดกัน ฟังดูน่ากลัวเกินไป จริงๆ น่าจะเรียกว่า “ชี้ประเด็น” เท่านั้นแหละ จะชี้แบบเอานิ้วปักแสกหน้า หรือชี้แบบสะกิด ก็แล้วแต่

หมายเหตุ จนกว่าจะหมดภาคการศึกษาต้นของปีการศึกษา 2553, โพสท์นี้น่าจะได้อัปเดทอีกเรื่อยๆ

Tags: , , ,
Posted in design activity, random thoughts | 4 Comments »

สะพานแคบ ใจกว้าง

Monday, September 13th, 2010

เหตุเกิดเมื่อหัวค่ำวันหนึ่ง ขณะกำลังขับรถกลับบ้าน หลังจากวิ่งรถขึ้นไปคืบคลานอยู่บนสะพานแห่งหนึ่งที่วิ่งได้เพียงสองเลน ก็ได้ยินเสียงรถหวอดังมาจากทางด้านหลัง มองกระจกหลังก็เห็นไฟกระพริบสีแดง-ฟ้า มีเสียงเจ้าหน้าที่ซึ่งฟังไม่ได้ศัพท์ลอยมาพร้อมกัน แวบแรกผมก็คิดว่าจะขยับรถของตนจากเลนขวาไปชิดซ้ายเพื่อหลีกทางให้ แต่เมื่อรถหวอเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ก็เริ่มจับใจความของเสียงตะโกนผ่านโทรโข่งได้

“ไม่ต้องเปลี่ยนเลนนะครับ ใครอยู่เลนไหนก็อยู่เลนนั้น เลนซ้ายชิดซ้าย เลนขวาชิดขวา”

เพียงเท่านั้น เมื่อรถทุกคันพร้อมใจปฏิบัติตาม สะพานสองเลนแคบๆ ก็มีเลนที่สามเปิดขึ้นตรงกลาง ให้รถหวอวิ่งผ่านไปได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าท้ายที่สุดแล้วรถของผมและเพื่อนร่วมทางทั้งสองเลนที่เหลือจะต้องอยู่กับรถติดต่อไป แต่ผู้เดือดร้อนบนรถหวอคงจะได้รับความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที ในฐานะที่เคยอยู่บนรถหวอที่นำส่งสมาชิกในครอบครัวมาแล้ว ผมเข้าใจว่าภาวะที่ต้องเจอรถติดในขณะที่ทุกวินาทีมีค่านั้นทรมานแค่ไหน แค่นี้ก็รู้สึกดีแล้วที่ได้มีส่วนช่วยให้รถหวอคันนั้นวิ่งผ่านไปได้เร็วขึ้นสักนิดก็ยังดี

ณ วินาทีที่รถหวอวิ่งผ่านรถผมไป ผมรู้สึกว่านี่น่าจะเป็นภาพสะท้อนของสังคมได้ ตราบใดที่ทุกคนมีจุดหมายร่วมกัน ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเพื่อส่วนรวม ไม่ต้องไปขวางทางหรือก้าวก่ายหน้าที่ของอีกฝ่าย ทุกอย่างก็จะดำเนินไปได้อย่างราบรื่น

ชีวิตประจำวันที่ดำเนินไปอย่างเดิมๆ มีอะไรสอนเราได้ตลอดจริงๆ

ป.ล. ขอขอบคุณพี่อาร์ท (try2benice) ที่ให้ชื่อ “สะพานแคบ ใจกว้าง” มาทาง facebook ตอนที่ผมโพสท์เรื่องนี้ครั้งแรกจากมือถือ

Tags: , ,
Posted in random thoughts | No Comments »