Interview with Mark Farrow

wee+farrow

บทสัมภาษณ์ Mark Farrow ชิ้นนี้ ถูกตีพิมพ์ในนิตยสาร art4d ฉบับประจำเดือนมีนาคม พ.ศ. 2552

WV: ช่วยเล่าประวัติของคุณให้เรารู้หน่อยสิ

MF: ผมเกิดที่แมนเชสเตอร์ตั้งแต่จำความได้ก็อยากเป็นกราฟิกดีไซเนอร์มาตลอดโดยเฉพาะอย่างยิ่งผมอยากออกแบบกราฟิกสำหรับวงการเพลงและก็โชคดีที่ตอนนั้นค่ายเพลงชื่อ FactoryRecords เพิ่งเริ่มต้นขึ้นนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของงานออกแบบสำหรับวงการเพลงของผมเพราะตอนนั้นผมอยู่แมนเชสเตอร์ก็เลยไม่มีทางอื่นมากนักที่คุณจะได้ทำงานออกแบบหรอกหลังจากนั้นผมก็รวบรวมพอร์ตโฟลิโอที่ผมทำงานให้กับแฟคตอรี่เรคคอร์ดแล้วก็ย้ายมาลอนดอนและได้เริ่มงานกับ Pet Shop Boys เลยทำให้ผมมพอร์ตโฟลิโอที่ดีหลังจากนั้นบริษัทที่ผมทำอยู่ก็เริ่มอยู่ตัวผมก็เลยเปิดบริษัทของตัวเองก็ประมาณช่วงเวลานั้นหละ

WV: มันฟังดูง่ายกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจริงใช่ไหม

MF: ใช่สิมันเป็นการอธิบายอย่างง่ายๆและตรงไปตรงมาเรื่องจริงที่เกิดขึ้นมันซับซ้อนกว่านั้นมาก

WV: ผมว่าคนส่วนใหญ่จะจดจำผลงานของคุณได้จากงานออกแบบในวงการเพลง

MF: ใช่

WV: รวมถึงพวกเราด้วยแต่เราก็เห็นว่างานออกแบบอื่นๆของคุณก็น่าสนใจเช่นกันคุณคิดไหมว่าทำไมคนถึงจดจำคุณได้จากผลงานออกแบบให้กับวงการเพลงทำไมงานเหล่านั้นถึงโดดเด่นกว่าผลงานอื่นของคุณ

MF: ผมคิดว่าผมมีชื่อเสียงขึ้นมาได้จากการออกแบบปกซีดีเหล่านั้นผลงานออกแบบของเราได้รางวัลและได้ตีพิมพ์มากมายแต่ผมก็ยังรู้สึกว่าพวกเราใช้วิธีคิดเดียวกันกับการออกแบบปกซีดี เวลาออกแบบแกลเลอรี่ในพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์หรือบรรจุภัณฑ์ให้กับลีวายส์ไม่ว่างานออกแบบอะไรก็ตามพวกเรามักจะใช้วิธีคิดและวิธีการทำงานแบบนั้นผมคิดว่ามันน่าจะเป็นเพราะงานเพลงง่ายต่อการเผยแพร่และการทำให้คนเห็นในทางกลับกันมันไม่มีเหตุผลที่จะเอาป้ายยี่ห้อลีวายส์หรืออะไรทำนองนั้นออกมาโชว์ผมว่านั่นคือเหตุผลพวกเราทำงานหลายๆอย่างมากขึ้นเรื่อยๆผมชอบนะผมชอบทำงานที่หลากหลาย

WV: แต่งานที่คุณชอบทำมากที่สุดยังคงเป็นงานออกแบบปกซีดีใช่มั๊ยถ้าเทียบกับงานออกแบบภาพลักษณ์หรืองานออกแบบหนังสือ

MF: ไม่ผมไม่คิดอย่างนั้นผมชอบออกแบบปกซีดีเฉพาะตอนที่ได้ทำงานออกแบบที่ดีแต่ตอนนี้ในวงการเพลงการจะทำงานออกแบบให้ดีได้นั้นเป็นเรื่องอยากแล้วล่ะถ้าเทียบกับเมื่อก่อน

WV: งบประมาณน้อยลงเรื่อยๆและตอนนี้ก็ไม่มีใครซื้อซีดีกันอีกแล้ว…MF: ใช่จริงๆแล้วมันก็รวมๆกันแหละทั้งงบประมาณที่ต่ำลงเดี๋ยวนี้ส่วนใหญ่มักใช้การตลาดนำเพลงมากกว่าเดิมและที่เห็นได้ชัดคือตอนนี้เพลงส่วนใหญ่ใช้วิธีขายออนไลน์กันหมด สิ่งเหล่านั้นทั้งหมดส่งผลกระทบต่อการออกแบบของคุณมากดังนั้นตอนนี้พวกเราเลยค่อนข้างที่จะรับงานที่ทำให้วงการเพลงเฉพาะที่พวกเรารู้สึกว่าเราสามารถทำอะไรที่พิเศษได้เท่านั้น

WV: งานออกแบบปกซีดีส่วนใหญ่ของคุณก็มาจากลูกค้าเก่าๆทั้งนั้นเลยสิ

MF: ใช่ผมทำงานกับลูกค้าแต่ละรายนานมากลูกค้าส่วนใหญ่ก็มีชื่อเสียงมายาวนานผมค่อนข้างจะมีความสัมพันธ์ด้านการงานที่ยืนยาวกับคนที่ผมทำงานด้วย

Farrow-Interview_Page_1-2

WV: ตั้งแต่ปกซีดีเริ่มที่มีบทบาทน้อยลงและหายากมากขึ้นคุณคิดไหมว่าสำหรับเพลงดาวน์โหลดแค่ภาพหนึ่งภาพหรือไฟล์พีดีเอฟหนึ่งไฟล์จะมีคุณค่าพอที่จะทำหน้าที่ตรงนี้

MF: โดยส่วนตัวแล้วผมไม่เห็นด้วยเท่าไหร่นะผมคิดว่าเด็กที่โตมาในยุคนี้อาจจะคิดว่าตัวเพลงเท่านั้นที่สำคัญมันเป็นแค่ความแตกต่างของกรอบความคิดมีเด็กที่อายุ 14-15 ที่ฟังเพลงแล้วอยากได้เพลงพวกเขาไม่เคยมีเพลงที่อยู่ในซองหรือกล่องมาก่อนเลยดังนั้นพวกเขาก็ไม่สนใจที่จะมีสิ่งที่ผมจะบอกคือผู้ใหญ่บางคนมักจะถามเด็กๆว่าไม่คิดถึงซองมันบ้างหรือพวกเขาก็จะตอบกลับไปว่าซองคืออะไรคุณเข้าใจสิ่งที่ผมบอกมั๊ยตอนนี้มันเป็นแค่กรอบความคิดที่ต่างกันมันไม่ได้สำคัญกับพวกเขาพวกเขาได้สิ่งที่ต้องการได้เห็นรูปถ่ายในเว็ปหรือในเอ็มทีวีแล้วสามารถดาวน์โหลดเพลงเหล่านั้นได้แค่นั้นหละคือสิ่งสำคัญสำหรับพวกเขาที่น่าสนใจคือตอนนี้มันชักจะเริ่มกลับกันแล้วหละมันเหมือนจะมีสองแบบหนึ่งคือคนที่อยากได้แต่เพลงโดยไม่ต้องเสียเงินแค่ดาวน์โหลดได้ก็พอหรือไม่ก็คนที่เต็มใจจะจ่ายแพงสำหรับสิ่งที่พิเศษกว่านี่ล่ะที่น่าสนใจเพราะว่ามันจะเปิดโอกาสให้พวกเราสามารถออกแบบงานอย่างอัลบั้มของ Spiritualized ที่เป็นหนังสือเล่มหนึ่งได้อีกครั้งหนึ่ง และคนก็เต็มใจจะซื้อของที่พิเศษและมีจำนวนจำกัด พวกเราก็ทำงานแบบนั้นอยู่บ่อยๆไม่ว่าจะทำให้กับ Spiritualized, Pet Shop Boys หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับวงการเพลงพวกเราพยายามทำให้มันดูพิเศษซึ่งในตอนนี้มันกลายเป็นสิ่งที่สำคัญเหมือนกับคุณสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีๆหรือคุณสามารถเป็นเจ้าของบางสิ่งที่พิเศษได้บางคนก็เลือกที่จะทำแบบนั้นนะมันเกือบจะเป็นตลาดใหม่เลยนะ

WV: ผมขอสารภาพว่าผมก็ซื้ออัลบั้มของ Spiritualized โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นเพลงแนวไหน ซื้อแค่เพราะแพ็คเกจเลยจริงๆ

MF: นั่นแปลว่าหน้าที่ของผมสำเร็จแล้วสิผมหมายถึงมันฟังดูตลกดีที่บางคนซื้ออัลบั้มของ Spiritualized สองแผ่นเพราะพวกเขาไม่อยากแกะมันออกพวกเขาเลยซื้อแผ่นนึงไว้ฟังแผ่นนึงไว้เก็บมันเหมือนกับว่าพวกเราได้ตอบโจทย์อะไรซักอย่างแล้วนั่นแหละคือหน้าที่ที่พวกเราควรจะต้องทำ

WV: ในฐานะนักออกแบบ

MF: ใช่WV: วงดนตรีหรือนักดนตรีคนไหนที่คุณชอบและอยากที่จะร่วมงานด้วย

MF: ผมชอบวง Kratwerk ผมอยากจะทำงานกับพวกเขาแต่ไม่รู้ว่ามันจะเป็นไปได้ไหมผมชอบดนตรีหลายแนวผมเป็นพวกจับฉ่ายน่ะพวกเราเปิดเพลงในสตูดิโอตลอดเวลาเลยก็นั่นแหละ ทำทุกๆอย่างพร้อมๆกันดังนั้นจะให้เลือกนักดนตรีคนโปรดก็คงจะยากผมชอบดนตรี

WV: งานออกแบบแพ็คเกจซีดีก่อนหน้านี้ของคุณดูเหมือนจะใช้งบในการผลิตสูงใช่ไหมคุณพูดอย่างไรให้ศิลปินลูกค้าหรือว่าค่ายเพลงยอมลงทุนกับมัน

MF: นั่นก็เป็นงานส่วนหนึ่งของนักออกแบบผมรู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ของนักออกแบบที่จะผลักดันให้ลูกค้ากล้าทำในสิ่งที่ดีกว่าและเป็นสิ่งที่ผมพยายามจะทำผมสู้เพื่องานของผม

WV: ดูเหมือนว่าคุณจะประสบความสำเร็จด้วยสิ

MF: ใช่มันขึ้นอยู่กับว่าถ้าคุณเชื่อในอะไรบางอย่างแล้วคุณจะสามารถโน้มน้าวให้คนอื่นเชื่อได้หรือเปล่าว่านั่นคือสิ่งที่ควรทำ

WV: จากหลายๆงานของคุณมันดูออกจะเป็นแนวแบบน้อยๆนะคุณคิดว่ายังไง

MF: ก็เพราะว่าผมขี้เกียจน่ะสิ (หัวเราะ)

WV: ผมก็กำลังจะพูดอย่างนั้นอยู่พอดี (ล้อเล่น) นอกจากขี้เกียจแล้วผมสงสัยว่าการออกแบบให้น้อยคุณต้องต้องร่างแบบมากขนาดไหนหรือต้องตัดทอนมากแค่ไหนเพื่อที่จะให้มันน้อยที่สุดเหมือนกับงานที่มีแค่แถบสีแดงหรือแค่ข้อมูลสีเทาพิมพ์ลงบนพื้นสีขาวผมว่ามันดูน้อยจนน่าตกใจมาก

MF: ผมว่ามันเป็นรสนิยมส่วนตัวนะมันคือสิ่งที่ผมอยากจะทำมันยากเหมือนกันผมมีตัวอย่างให้ดูในการบรรยายของผมอย่างแผ่นซีดีของ Spiritualized ที่มีแค่เส้นหนึ่งเส้นบนแผ่นการทำอย่างนั้นมันยากกว่าการใส่ทุกอย่างลงไปเพราะค่ายเพลงก็จะถามว่างานอยู่ตรงไหน? พวกข้อความทางกฏหมายอยู่ตรงไหน? พวกเราเอาข้อมูลเหล่านั้นไปพิมพ์กลับด้านไว้ด้านหลังของแผ่นอีกทีคุณจะต้องเอาแผ่นยกขึ้นส่องไฟถึงจะมองเห็นนั่นแหละคือสิ่งที่พวกเราสนุกที่จะทำมันเป็นส่วนที่สนุกการที่เราจะซ่อนข้อมูลเหล่านี้ให้เหลือน้อยที่สุดนั่นเป็นวิธีการของผมมันอธิบายยากมันคือสิ่งที่ผมทำจริงๆมันไม่ง่ายเหมือนกับการใส่คำเข้าไปแล้วก็จบมันเหมือนกับคุณขุดลึกเข้าไปและตัดทิ้งจนเหลือแต่สิ่งที่สำคัญ

WV: จากประสบการณ์การทำงานของผมผมว่าสิ่งที่ยากที่สุดในการออกแบบบรรจุภัณฑ์คือการจัดการข้อมูลโดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์ยาหรือสินค้าอุปโภคบริโภคแต่ผมไม่รู้ว่าคุณเคยทำงานพวกนั้นมาบ้างหรือเปล่าบรรจุภัณฑ์ของสินค้าที่มีข้อมูลเยอะมากขนาดที่คุณไม่สามารถทำให้ออกมาแบบน้อยๆได้

MF: ใช่มันมีข้อมูลที่เยอะมากจนน่าเกลียดมันเป็นอุปสรรคในการออกแบบพอสมควร ผมจำได้ว่าในงานเพลงนี่ล่ะผมเคยเถียงกับการใส่บาร์โค้ดไว้บนกล่องตอนที่เริ่มมีบาร์โค้ดเกิดขึ้นมาซึ่งผมก็ไม่เคยชนะหลังจากนั้นผมก็ใช้มันให้เป็นประโยชน์พวกเราเริ่มออกแบบโดยใส่บาร์โค้ดไว้ด้านหน้าในขนาดมาตรฐานมันยากมากแต่มันก็เป็นสิ่งที่คุณจะต้องแก้ปัญหาคุณไม่ได้เป็นศิลปินคุณเป็นนักออกแบบคุณได้ข้อมูลมาจำนวนหนึ่งมันจำเป็นต้องใช้และคุณตัดมันทิ้งไม่ได้สิ่งที่คุณทำได้ก็คือทำให้มันดูสวยที่สุดเท่าที่จะทำได้

Farrow-Interview_Page_3-4

WV: บางทีผมรู้สึกว่างานของคุณเป็นเหมือนงานศิลปะมันไม่ค่อยเหมือนงานออกแบบ

MF: ผมว่ามันง่ายกว่าที่จะออกออกแบบปกซีดีหรืออะไรพวกนั้นแล้วมันออกมาดูเหมือนงานศิลปะผมคิดว่าตรงนี้มีส่วนช่วยนะแต่มันไมได้เป็นงานศิลปะมันคืองานออกแบบกราฟิก

WV: เวลาคุณเริ่มทำงานงานนึงคุณมีวิธีการทำงานอย่างไรตัวอย่างเช่นคุณเริ่มจากการเลือกแบบตัวอักษรรูปทรงสีการใช้งานหรือไอเดียอะไรมาก่อนมาหลัง

MF: มันขึ้นอยู่กับว่าเป็นงานอะไรถ้ามีโจทย์จากลูกค้าพวกเราก็ทำตามนั้นพวกเราพยายามนึกถึงสิ่งที่ลูกค้าต้องการเราถามพวกเขาเขาตอบพวกเราแตเ่รากไ็มท่ำตามหรอก (หัวเราะ)WV: แล้วก็พยายามทำให้เขาเชื่อในความคิดของพวกคุณ

MF: ใช่งานส่วนใหญ่ที่ผมทำมันมาจากความคิดและจิตใจพวกเราพยายามทำความเข้าใจถึงสิ่งที่ลูกค้าต้องการแต่ก็นั่นแหละผมมักจะออกแบบโดยใช้สัญชาตญาณอยู่ดีมันแล้วแต่งานนะเหมือนกับในงานๆนึงถ้าพวกเราถ่ายรูปแล้วรูปออกมามีพลังมากผมก็ไม่อยากใส่ตัวหนังสืออีกดังนั้นผมก็จะสู้ให้กับการใช้ภาพถ่ายล้วนๆมันขึ้นอยู่กับแต่ละงานที่คุณได้รับมาถ้าคุณยกตัวอย่างมาผมน่าจะอธิบายได้

WV: หนังสือของ Bailey and Rankin

MF: แบบกล่องหนังสือของ Bailey and Rankin มันเกิดมากจากงานภาพถ่ายของพวกเขามันดูโป๊แบบโจ๋งครึ่มมากเลยมันไม่ใช่แค่ภาพนู้ดแต่มันเป็นภาพนู้ดที่น่าตกใจมากสิ่งแรกที่พวกเรารู้คือนี่เป็นงานพิมพ์ในจำนวนจำกัดคุณเลยสามารถทำอะไรก็ได้ให้มันดูพิเศษต่อมาคือภาพมันแรงมากพวกเราเลยคิดหาหีบห่อที่สามารถลดทอนความแรงของภาพลงได้บ้างพวกเราเลยเลือกใช้กล่องแก้วแบบนี้กล่องพลาสติกแก้วที่พิมพ์ลายแพทเทิร์นลงไปไว้ใช้บังรูปภาพเพื่อลดความแรงนั่นคือเหตุผลของงานออกแบบนี้และในแต่ละกล่องต้องมีภาพถ่ายอยู่ข้างในในกล่องนึงจะมีผลงานภาพถ่ายของช่างภาพแต่ละคนในขนาดใหญ่เท่านี้เราเลยคิดว่า “หนังสือมันจะต้องใหญ่มาก” และในหนังสือหนึ่งเล่มจะมีผลงานของช่างภาพสองคนพวกเราเลยคิดว่ามันน่าจะเป็นหนังสือที่เปิดอ่านจากทางไหนก็ได้ปัญหาทั้งหมดที่มีคุณต้องค่อยๆแก้ไปแต่ละอันสุดท้ายก็ออกมาเป็นงานชิ้นนี้แต่ว่าเราไม่ได้ใช้กล่องพลาสติกแก้วนะกล่องมันดีเลยแหละแต่มันขนส่งค่อนข้างยากแค่กระแทกกันมันก็แตกได้ง่ายๆแต่ไม่เป็นไรหรอกพวกเราเสียเวลาไปกับมันเยอะมากในที่สุดพวกเราก็เปลี่ยนไปใช้กล่องไหมพิมพ์ลายแพทเทิร์นใส่หนังสือแทน

WV: คุณเคยทำงานให้กับวงดนตรีบางวงมายาวนานเคยมีศิลปินที่เปลี่ยนแนวเพลงและอยากเปลี่ยนแนวภาพลักษณ์ของวงที่แนวมันอาจจะไม่เหมาะกับพวกคุณบ้างมั๊ย

MF: เคยครั้งนึงกับ Pet Shop Boys พวกเขาทำเพลงแนวใหม่และอยากได้ปกแบบอื่นๆบ้าง เที่ยงวันนึงพวกเขาก็มาบอกว่าไม่อยากให้เราทำปกให้มันก็ไม่เป็นไรนะแล้วพวกเขาก็ทำปกกันเองแต่มันออกมาไม่ดีเท่าไหร่ (หัวเราะ)WV: แล้วพวกเขาก็กลับมาหาคุณอีกรึเปล่า

MF: กลับสิมันตลกที่ว่าปกที่พวกเขาทำมันดูไม่แตกต่างขนาดนั้นผมจำชื่ออัลบั้มนั้นไม่ได้แล้วหละ จริงๆ นะ…WV: เดี๋ยวผมไปดูในแคตาล็อคเพลงของพวกเขาละกัน

MF: ผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้นนะแต่ผมจำไม่ได้ว่ามันชื่อว่าอะไรจริงๆแต่สุดท้ายดูเหมือนเขาให้คนที่ visionaire ทำแต่ก็บอกตามตรงนะมันไม่ได้ดูแตกต่างขึ้นมาเท่าไหร่ดูไม่ออกหรอกว่าพวกเราไม่ได้ทำ

WV: จะบอกได้ว่างานสไตล์พวกคุณกลายเป็นภาพลักษณ์ของ Pet Shop Boys ไปแล้วสิ

MF: ผมก็ว่านะผมคิดว่าสิ่งที่เรามีเหมือนกันคือพวกเราให้ความสำคัญกับกระบวนการทำงาน และพวกเรามีรสนิยมเดียวกันมันก็เลยดูเหมาะกันดีนั่นแหละทำให้พวกเราทำงานกันมานานพวกเรากำลังจะทำปกอัลบั้มใหม่ให้เขาเร็วๆ นี้

WV: แล้วการทำงานกับ Manic Street Preachers ล่ะเป็นยังไงบ้าง

MF: พวกเรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแต่หลังๆเราไม่ได้ทำงานด้วยกันเท่าไหร่แล้วมันเป็นเรื่องลำบากเพราะว่าพวกเขาไม่ได้ดังเหมือนเมื่อก่อนก็เหมือนวงอื่นๆที่เป็นไปตามวัฎจักรพวกเขาไม่ได้มีงบสำหรับการทำปกอัลบั้มพวกเราก็เลยไม่ได้ทำปกอัลบั้มสุดท้ายให้แต่ผมรู้ว่าซักวันพวกเราคงได้กลับมาทำงานร่วมกันอีกตอนนี้ก็ไม่ได้ติดต่อกันเรื่องงานอีกเลยไม่เหมือนกับ Spiritualized ที่มีงานทำด้วยกันตลอดพวกเราอยากที่จะทำงานให้ Spiritualized นะถึงแม้ว่าบางทีงบจะไม่ได้มีมากมายเท่าของ Pet Shop Boys หรือว่าวงอื่นๆแต่มันสนุกมากกับการได้ทดลองออกแบบอะไรใหม่ๆ ที่พิเศษมันก็คุ้มมากแล้วล่ะบางทีเราก็ต้องทำงานเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องแต่ที่สำคัญคือคุณต้องสนุกกับงานของคุณ

Farrow-Interview_Page_5-6

WV: ใครคือนักออกแบบที่คุณอยากร่วมงานด้วยมากที่สุดนักออกแบบจากสาขาไหนก็ได้

MF: ผมว่าพวกเราค่อนข้างโชคดีในเรื่องนี้ที่ได้ร่วมงานกับนักออกแบบเหล่านั้นมาหลายคน ตัวอย่างเช่นกับ Marc Newson ผมร่วมงานกับเขาบ่อยมากผมมีนาฬิกา Megapod ด้วยมันหลุดบ่อยมากเลยผมเคยออกแบบหนังสือให้เขามีครั้งนึงก็เคยออกแบบสายการบินกับเขาแต่มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่น่าเสียดายจริงๆผมเคยร่วมงานกับ Ross Lovegrove พวกเราเพิ่งออกแบบภาพลักษณ์ใหม่ให้กับ Jasper Morrisons นักออกแบบพวกนี้แหละที่ผมอยากร่วมงานด้วยโดยเฉพาะ Jasper ผมชอบงานที่เขาทำมากสำหรับผมการที่ได้ร่วมงานได้ช่วยออกแบบภาพลักษณ์กับเขามันเจ๋งมากเวลาที่คุณเข้าไปสตูดิโอของเขามันอัศจรรย์มากๆมันน่าตื่นเต้นสุดๆงานที่มีอิทธิพลกับผมส่วนมากจะไม่ได้มาจากงานของนักออกแบบกราฟิกเท่าไหร่ส่วนใหญ่มาจากแนวอื่นๆมากกว่ามันมาจาก Jasper, Marc และจากสถาปนิกมันดูไปด้วยกันได้ดีพวกเราทำงานเข้ากันได้ดีทีเดียวมันน่าตื่นเต้นมากเพราะคุณจะได้เรียนรู้ว่าพวกเขามีวิธีการแก้ปัญหาและวิธีการทำงานอย่างไร

WV: คุณบอกว่าคุณออกแบบภาพลักษณ์ใหม่ให้กับ Jasper Morrison ใช่ไหมช่วยเล่าให้ฟังหน่อยสิ

MF: Jasper เอารูปวงรีมาให้เรามันเป็นนามบัตรของเขาหละพวกเราก็เลยทำนามบัตรให้มีขอบมนเหมือนเดิมแล้วมันก็มีทรงรีๆแบบนี้นะ (วาดบนกระดาษ) แค่นั้นหละแล้วก็พิมพ์ชื่อ Jasper Morrison สตูดิโอออกแบบแค่นั้นมันสวยมากมันเหมือนคุณได้แบบนามบัตรฟรีๆมาแต่มันดูดีกว่าที่วาดนี่นะ Jasper เอารูปทรงรีนั้นมาให้พวกเราแล้วพวกเราแค่ลองทำมันในหลายๆแบบ Jasper มักจะมาลองให้เปลี่ยนให้ลองแบบใหม่ๆไปเรื่อยๆแล้วคุณก็ต้องลองทำไปเรื่อยๆ

WV: ทำงานกับนักออกแบบอย่าง Jasper Morrison ง่ายกว่าทำงานกับนักดนตรีไหม

MF: ทำงานกับทั้งคู่ก็มีทั้งข้อดีข้อเสียแต่ที่เห็นได้ชัดคือทำงานกับนักออกแบบแล้วบางทีพวกเขาอยากมีส่วนร่วมในการออกแบบแต่ทุกคนไม่สามารถเป็นนักออกแบบกราฟิกได้ไม่ใช่แค่ออกแบบเป็นก็เป็นได้คุณเข้าใจที่ผมพูดใช่ไหม

WV: เข้าใจ

MF: เขาพูดอย่างสุภาพนะแต่ Jasper เขาเป็นคนที่สนุกมากนะเขาเข้ามามีส่วนร่วมมากๆเขาจะแสดงความคิดเห็นต่อยอดไปเรื่อยๆและนั่นแหละคือสิ่งที่คุณคาดหวังว่าเค้าจะต้องเป็นแต่มันเยี่ยมเลยนะในขณะที่ Marc ก็เข้ามามีส่วนร่วมบ้างแต่ไม่มากเท่าไหร่ผมชอบนะมันเป็นประสบการณ์ที่สนุกมากทีเดียว

WV: ทำงานกับ Ross ล่ะเป็นอย่างไร

MF: ปีที่แล้วผมทำงานกับ Ross เขาออกแบบลำโพงที่ราคาคู่ละเป็นแสนยูโรไม่น่าเชื่อว่าจะแพงได้ขนาดนั้นมันเป็นโจทย์ที่เยี่ยมมากๆเขาเล่ากันว่าเจ้าของให้โจทย์กับนักออกแบบว่าให้ทำลำโพงที่ดีที่สุดในโลกโดยมีงบไม่อั้นคุณจะทำมันออกมาเป็นอะไรแล้วพวกเขาก็ออกแบบลำโพงที่มีเสียงดีที่สุดได้และเขาก็ให้โจทย์ Ross ไปออกแบบเปลือกหุ้มลำโพงเขาก็ออกแบบให้มันเป็นแบบนั้นส่วนพวกเราช่วยออกแบบภาพลักษณ์และคู่มือให้กับลำโพงนั่นมันได้ไปแสดงที่มิลานปีที่แล้วเป็นอีกประสบการณ์ที่ดีพวกเรามีส่วนช่วยตลอดทั้งงานพวกเราออกแบบพื้นที่จะเคลื่อนไหวตลอดเมื่อมีเสียงออกจากลำโพงพื้นนี่จะสั่นตลอดเมื่อมีเสียงเหมือนกับตอนที่พวกเราทำงานร่วมกับอีกบริษัทหนึ่งเพื่อผลิตมันขึ้นมามันเป็นคอนเซ็ปต์ของพวกเราแต่พวกเขาเอามันไปผลิต Ross ก็มีสตูดิโอที่มหัศจรรย์มากๆเหมือนกันเวลาเดินเข้าไปมันเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในยานอวกาศของโลกอนาคต

WV: ตอนที่พวกเขามาจ้างคุณลำโพงก็ทำเสร็จแล้วสิ

MF: ใช่WV: แล้วถ้าเลือกได้คุณอยากมีส่วนร่วมในการออกแบบตั้งแต่เริ่มแรกเลยไหม

MF: อยากสิมันก็น่าจะดีนะแต่ขอให้พวกเขาออกแบบลำโพงผมก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าผมจะพูดยังไงกับ Ross ว่าเราน่าจะเปลี่ยนมันนะ

WV: คุณซื้อมือถือ Samsung ที่ Jasper Morrisonออกแบบด้วยเหรอ

MF: ใช่WV: คุณมีส่วนร่วมในการออกแบบตัวเลขหรือเปลือกโทรศัพท์ด้วยรึเปล่า

MF: แน่นอนนั่นหละคือสิ่งที่ผมอยากจะทำผมอยากทำงานกับ Jasper อีกครั้งในงานที่ไม่ใช่โครงการของเขาเองงานที่เขากำลังทำและงานที่พวกเรากำลังทำเขาออกแบบโทรศัพท์มือถือเยอะมากตอนที่ผมไปที่สตูดิโอของเขามีมือถือเป็นร้อยเต็มผนัง

WV: ในฐานะนักออกแบบกราฟิกคุณคิดว่าจุดอ่อนของคุณคืออะไร

MF: จุดอ่อนของผมน่าจะเป็นการที่ผมทำงานกับคอมพิวเตอร์ไม่ได้

WV: จริงเหรอ

MF: ผมใช้คอมพิวเตอร์ออกแบบไม่เป็นส่วนใหญ่ผมจะนั่งทำงานข้างๆนักออกแบบของผมผมจะนั่งข้างๆแล้วบอกให้พวกเขาทำแทนที่ผมจะนั่งทำเองแต่ผมว่าทำแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะถ้าผมอยู่หน้าคอมฯทั้งวันและทำเองทุกอย่างพวกเขาก็จะไม่รู้ว่าทำไมผมถึงทำอย่างนั้นแล้วผมคิดแบบนั้นออกมาได้อย่างไรมีหลายครั้งที่นักออกแบบของผมมักจะมีไอเดียใหม่ๆแล้วก็ทำมันออกมาถ้ามันใช่พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนอะไรอีกแต่บางทีพวกเราก็ดัดแปลงแก้ไขบางอย่างผมคิดว่าการที่ผมลงไปทำงานกับนักออกแบบของผมมันช่วยให้พวกเขาเข้าใจความคิดของผมว่าทำไมพวกเราถึงแก้ปัญหาด้วยวิธีแบบนี้ทำไมผมถึงอยากเปลี่ยน เพราะพวกเขามักจะสงสัยว่าทำไมผมถึงอยากทำอย่างนี้แล้วถ้าทำออกมามาสองแบบอันนี้จะดูดีกว่าเพราะอะไรก็ว่าไปผมไม่คิดว่าการที่ผมใช้คอมฯไม่เป็นจะเป็นจุดอ่อนหรอกนะผมกำลังจะบอกว่าผมไม่มีจุดอ่อน (หัวเราะ)WV: ผมก็เดาว่าคุณน่าจะพูดแบบนั้น

MF: ไม่จริงหรอกถ้าคุณเอาที่ผมตอบไปลงคุณต้องใส่ด้วยว่าผมหัวเราะด้วยตอนพูด

WV: (หัวเราะเสียงดัง)

Farrow-Interview_Page_7

WV: ผมไม่รู้ว่าในสตูดิโอของคุณเป็นอย่างไรแต่จากประสบการณ์การทำงานของผมนักออกแบบรุ่นใหม่เลือกที่จะนั่งหน้าคอมฯและพยายามทำอย่างลุยๆไปในขณะที่พวกเราได้แต่เดินวนไปวนมารอบๆพวกเขาแล้วเขียนไอเดียลงในกระดาษและบอกพวกเขาว่า “พวกเราน่าจะทำแบบนี้เพราะว่าอย่างนี้อย่างนั้น…”MF: ใช่ผมว่ามันก็ไม่ผิดนะแต่การทำงานแบบของผมเป็นแบบนี้สมมุติเรากำลังทำงานโปรเจ็คต์นึงอยู่แล้วบางทีคุณยังคิดอะไรไม่ออกความคิดคุณกำลังบ่มอยู่ในหัวของคุณบางทีคุณก็ปล่อยให้นักออกแบบของคุณแก้ปัญหาไปก่อนบางครั้งพวกเขาก็ทำอะไรบางอย่างออกมาที่จุดประกายคุณได้เหมือนกันผมไม่สนนะว่าเขาจะทำอย่างไรผมค่อนข้างจะทำงานแบบนั้นมากกว่ามันเป็นวิธีที่เหมาะกับพวกเราดีเริ่มแรกพวกเราจะคุยกันในที่ประชุมและบอกโจทย์จากลูกค้าจากนั้นพวกเราก็แยกกันไปคิดงานหลังจากนั้นผมก็จะเดินไปเดินมาดูว่าอันไหนใช้ได้บ้างก็จะกลั่นกรองมันออกมา

WV: คุณหรือนักออกแบบของคุณที่เป็นคนเลือกแบบตัวอักษร?MF: พวกเราใช้แต่ Helvetica

WV: (หัวเราะลั่น)MF: ไม่จริงหรอก ผมใช้แบบอื่นด้วย

WV: Gill Sans

MF: ใช่ก็ใช้ด้วย

WV: (ขำต่อ)

WV: Vignelli เคยว่าไว้ว่าไม่จำเป็นต้องใช้แบบตัวพิมพ์มากกว่า 5 แบบ

MF: บางทีพอพวกเขาเริ่มจะออกแบบอะไรขึ้นมาถ้าผมเห็นว่าไม่เหมาะผมก็จะบอกพวกเราก็จะลองมองหาแบบอื่นมันมีหลายแบบนะงานแต่ละงานก็มีวิธีแก้ปัญหาที่ต่างกันบางทีมันก็เป็นแบบ “งานนี้ผมจะไม่ยอมใช้ Helvetica นะ” มันเปลี่ยนไปตลอด แล้วแต่งานเลย

WV: คุณบอกว่าคุณเกิดที่ Manchester ใช่ไหม

MF: ใช่WV: คุณเป็นสาวกของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดหรือแมนเชสเตอร์ซิตี้

MF: แมนเชสเตอรซิตี้

WV: มิน่าคุณถึงทำหนังสือเล่มนั้น

MF: ใช่WV: ก่อนที่พวกเขาจะย้ายไปที่สนามใหม่

MF: ใช่ผมเป็นสาวกของแมนเชสเตอร์ซิตี้ถึงแม้ว่าในประเทศไทยดูเหมือนจะมีผมคนเดียวที่เป็นสาวกทีมนี้ ในความหมายที่รู้กันนะ

WV: มันขึ้นอยู่กับว่าคุณพูดกับใคร

MF: ใช่ถ้าพูดในแง่การเมืองมันก็ไม่ถูกนักที่สนับสนุนแมนเชสเตอร์ซิตี้

WV: เห็นด้วยขอบคุณมาก

MF: ด้วยความยินดีเลยที่ได้เจอพวกคุณ

Leave a Reply

You must be logged in to post a comment.