Fujifilm FinePix X100

[Updated #1 – 9 พ.ค. 2554 เพิ่มเนื้อหาและภาพประกอบหลายจุด]

วันนี้อยากจะเขียนบันทึกถึงกล้องตัวหนึ่งที่ทำให้เกิดคำถามเหล่านี้…

“นี่ไลก้าใช่ไหมเนี่ย?” – ฟูจิครับ

“มันซูมได้เยอะไหมน่ะ?” – ซูมไม่ได้ครับ

“มันมีฟังก์ชั่นเยอะไหม?” – ก็มีพาโนรามาครับ แต่ไม่มีโฟกัสจับหน้า, ไม่มีกันสั่น, ไม่มี art filter

“ต้องใช้เลนส์อะไรครับ?” – เลนส์ติดกล้องมาเปลี่ยนไม่ได้ครับ

“ถามจริงเหอะ เทคโนโลยีที่เขาพัฒนากันมาทั้งหมดนี่มันใช้แล้วไม่มีความสุขหรือไง?”

ก็ว่ากันไป…

เจ้ากล้องตัวที่ว่านี้คือ Fujifilm FinePix X100 ที่สร้างความฮือฮาได้ตั้งแต่ประกาศตัวเมื่อปลายปี 2010 และสร้างกระแสแรงต่อเนื่องมาตลอดจนถึงการเปิดขายเมื่อต้นปีนี้ แถมยังเจอเหตุภัยพิบัติในญี่ปุ่นทำให้ต้องระงับการผลิตชั่วคราว กลายเป็นของหายากไปทันที จนคนไทยหลายคนที่โชคดีได้ซื้อล็อตแรก เอาไปปั่นราคาปล่อยกันใน ebay กันเพียบ

ตอนนี้ก็มีรีวิวหลายสำนักออกมาแล้ว ถ้าใครอยากอ่านฝรั่งวิเคราะห์จากการใช้งานจริง ไม่เน้นกราฟ ไม่เพ่งพิกเซล ขอแนะนำให้ไปอ่านของ Steve Huff และ John Goldsmith ก่อนเลย ส่วนที่ผมจะเขียนนี้เป็นความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ

ทำไมถึงซื้อ?

ประการแรกเลยคือมันหล่อดี! ช่วงนี้กำลังอินกับกล้องหน้าตาย้อนยุค ตั้งแต่อีเพ็ญ ที่ถือแล้วมีความสุข ยิ่งเจ้าตัวนี้ประกอบมาบึกกว่ากันนิดหน่อยด้วย ขนาดก็ไม่ได้ใหญ่ไปกว่า E-P1 ติดเลนส์แพนเค้กมากนัก น้ำหนักก็ใกล้เคียงกัน หรือถ้าเทียบกับ E-P2 ติด EVF แล้วจะกระทัดรัดกว่าเสียอีก เพราะไม่มีส่วนยื่นออกมาด้านบน

ถัดมาคือ ชอบความเรียบง่ายในการควบคุม ไม่ต้องมีปุ่มอะไรให้มันมากความ ไม่ต้องจำว่ากดปุ่มนี้แล้วหมุนวงแหวนนั้นเป็นอะไร เพราะการทำงานพื้นฐานก็เหมือนกล้องกลไกที่ใช้เรียนถ่ายภาพมาในสมัยก่อนนั่นเอง มีวงแหวนให้หมุนปรับความไวชัตเตอร์และ F แถมอีกวงสำหรับชดเชยแสง หมุนอะไรเห็นผลตรงนั้นเลย ไม่ต้องคิดมาก (แต่คนที่ชอบกล้องอัตโนมัติทุกอย่างอยู่แล้วอาจจะรู้สึกว่า “นี่แหละ คิดมาก” ก็ได้นะ :-P)

เรื่องเปลี่ยนเลนส์ไม่ได้ ไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว เพราะเป็นคนชอบใช้เลนส์ฟิกซ์ กับ Nikon SLR ก็มีเลนส์ฟิกซ์หลายตัว กับอีเพ็ญก็ใช้เลนส์ Lumix G 20/1.7 มากกว่าเลนส์ตัวอื่น ถ้าเป็นคนไม่ขี้เกียจเกินไปและยังคล่องแคล่วอยู่ ผมว่าเลนส์ฟิกซ์ที่คุณภาพดีซักตัวกลับทำให้เราขยันหามุมที่เหมาะสม ได้ภาพที่น่าสนใจกว่าการยืนอยู่กับที่ หันไปรอบๆ แล้วซูมภาพเข้าออกด้วยเลนส์ครอบจักรวาลตัวเดียว และถ้าได้ดูรายละเอียดการออกแบบจะเห็นว่าถ้าทำให้เปลี่ยนเลนส์ได้ กล้องตัวนี้จะไม่มีทางขนาดเล็กเท่านี้แน่ๆ เพราะที่กระบอกเลนส์ยื่นออกมาจากตัวกล้องได้น้อยขนาดนี้เนื่องจากชิ้นเลนส์ส่วนใหญ่ถูกฝังอยู่ในความหนาของกล้อง และช่องมองภาพที่ถือเป็นจุดขายของเจ้า X100 ก็จะไม่สามารถออกแบบมาให้ได้แบบนี้

ที่อยากชื่นชมจริงๆ คือ “ช่องมองภาพ” hybrid viewfinder ตัวแรกของโลก ที่มีปุ่มให้กดเลือกได้ว่าจะใช้งานแบบ electronic (ซึ่งคุณภาพดีไม่แพ้ VF-2 ของ Olympus) หรือแบบ optical ที่สามารถ overlay ข้อมูลต่างๆ ลงไปได้ และยังรีวิวภาพได้ด้วย แต่การใช้งานจริงจะต้องยืนยันโฟกัสจากกรอบเขียว และ distance scale ไม่สามารถเห็นผลด้านความชัดจาก optical viewfinder ได้ ถ้าเป็นคนชอบถ่ายภาพผ่านช่องมองมากกว่าดูจากจอหลัง รับรองต้องถูกใจนวัตกรรมนี้

ที่สำคัญคือ มั่นใจได้ว่าซื้อมาแล้วเกิดไม่ชอบ ก็ขายต่อได้ไม่ขาดทุน เผลอๆ จะกำไรเพียบเลยด้วยซ้ำ แต่ผมลองแล้วขายไม่ลงจริงๆ 🙂

ใช้แล้วทำไมถึงชอบ?

อย่างแรกเลยคือ “ชอบสี” ด้วยความที่เป็นคนขี้เกียจปรับแต่งภาพหลังเอาลงคอม กล้องที่ให้ค่าสี หรือปรับค่าสีในตัวกล้องได้ถูกใจ จะโดนใจผมเป็นพิเศษ ทาง Fuji ก็ฉลาดพอที่จะเรียกใจแฟนๆ และเอา brand value ของฟิล์มสไลด์ 3 รุ่น คือ Provia, Velvia และ Astia มาหากินอีกรอบ  ใครเคยสะใจกับสีสดเน้ง เนื้อแน่น แต่ไม่ผิดธรรมชาติของ Velvia ก็จะได้เจอ ใครเคยชอบสีผิวคนของ Astia ก็น่าจะถูกใจ แต่คงไม่เหมือน 100% นะครับ ผมก็ไม่ได้ใช้ฟิล์มเหล่านี้มาหลายปีแล้วด้วย ไม่กล้าบอกว่าเหมือนแค่ไหน

พอใช้ไปซักพัก เริ่มรู้สึกเหมือนได้ย้อนอดีต  – เริ่มจากการปรับค่าด้วยวงแหวนทีละสต็อป เหมือนตอนเริ่มหัดถ่ายภาพด้วย FM2 ขาดก็แต่โฟกัสด้วยมือแล้วไม่สะดวกเท่านั้นเอง (เป็นจุดที่น่าผิดหวังที่สุดจุดหนึ่ง ซึ่งจะขายความภายหลัง) เทคนิคต่างๆ ที่เคยใช้ในสมัยนั้นก็เริ่มกลับมา นอกจากนั้นยังมีความสะใจเวลานึกถึงสมัยเป็นนักศึกษาแล้วต้องกัดฟันซื้อฟิล์ม Velvia ม้วนละสองร้อยกว่าบาท กว่าจะกดชัตเตอร์ได้ทีนึงคิดเยอะมาก

อีกเรื่องที่หลายคนชอบถามคือ “แล้วเลนส์มันดีจริงไหม?” ขอตอบให้ชัดเลยว่า “ดีมากครับ” ถ้าให้พูดอย่างเป็นรูปธรรมโดยเทียบกับเลนส์ฟิกซ์สุดคุ้มของระบบ micro 4/3 อย่าง Lumix G 20/1.7 แล้วต้องบอกว่า เปิดที่ f กว้างสุดจะไม่คมเท่า แต่ถ้าใช้งานตั้งแต่ f/2.8 ลงมาจะคมมาก และการไล่โทนกับความเบลอในช่วงหลุดโฟกัสจะนุ่มนวลกว่า 20/1.7 จะดูกระด้างกว่า – ฟังดู subjective มาก แต่ต้องเข้าใจก่อนว่าเวลาถ่ายรูป เราไม่ได้ต้องการภาพที่คมกริบเสมอไป (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “เลนส์ในอุดมคติ” จาก blog ของ Olivier Giroux)

พอเลนส์ที่ดี มาประกบกับเซนเซอร์ที่ดี ซึ่ง Fuji ก็ขึ้นชื่อเรื่องนี้อยู่แล้ว ก็เลยเป็นเหตุให้คุณภาพของภาพออกมาดี พูดได้เต็มปากว่าเหนือกว่า micro 4/3 ขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง หลายรีวิวบอกว่าไม่แพ้ และอาจจะดีกว่ากล้องที่ใช้เซนเซอร์ขนาด APS-C ในยุคเดียวกันทั้งหมด แต่ตรงนี้ไม่ขอออกความเห็น เพราะไม่เคยใช้

ที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะใช้ แต่ได้ลองใช้แล้วติดใจ คือ Motion Panorama (หรือที่ Sony เรียกว่า Sweep Panorama) คือการกดชัตเตอร์หนึ่งครั้ง แล้วกวาดกล้องแล้วให้ได้มุมครบที่เลือกได้ระหว่าง 120 กับ 180 องศา แล้วกล้องจะต่อภาพให้เอง เท่าที่ลองมาถ้ามือนิ่งๆ แสงดีๆ ก็ออกมาเนียนเกินคาด

ด้วยความที่ชัตเตอร์เป็น leaf shutter ไม่ได้อยู่ในระนาบฟิล์ม (อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เปลี่ยนเลนส์ไม่ได้) ทำให้เสียงชัตเตอร์เงียบมาก และกล้องนิ่ง ไม่มีแรงสะเทือนจากการกดถ่าย พอจะชดเชยการไม่มีระบบกันสั่นได้กล้อมแกล้มในบางกรณี ประกอบกับเซนเซอร์ที่ขนาดใหญ่ที่คุณภาพดีมาก และ optical viewfinder ทำให้กล้องตัวนี้น่าใช้งานในสถานการณ์บังคับ เช่น ในที่แสงน้อยที่ต้องการความเงียบ ได้อย่างดี แถมยังมีคีย์ลัด เข้า silent mode คือปิดแฟลช ปิดไฟช่วยโฟกัส ปิดเสียงทุกอย่าง โดยกดปุ่ม DISP ค้างไว้ สะดวกมาก

แล้วมันดีกว่าอีเพ็ญไหม?

มีคนถามมาบ่อยเหมือนกัน… ก็ต้องถามกลับไปว่า “ที่ว่าดีของคุณคืออะไร?” – โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับสโลแกน “The Professional’s Choice” ของ X100 เท่าไหร่ เพราะว่า ถ้าวัดเรื่องคุณภาพของไฟล์ที่ได้อย่างเดียว มันก็เทียบเกือบจะได้กับ SLR ตัวโตๆ กับเลนส์ดีๆ แต่ถ้าบอกว่ากล้องโปรคือกล้องที่ reliable มากๆ ได้ภาพแน่นอนในทุกสถานการณ์ ก็จะไม่ใช่ เพราะมีปัญหาเรื่อง usability หลายอย่างที่จะอธิบายหลังจากนี้ ดังนั้นถ้ากลับมาเทียบกับอีเพ็ญ เรื่องคุณภาพไฟล์ไม่ต้องห่วง ดีกว่าแน่ แต่สำหรับผู้ไม่มีประสบการณ์ในการควบคุมกล้อง และชอบปล่อยให้กล้องคิดมากกว่าคนถือกล้อง อีเพ็ญจะได้ภาพที่ถูกใจท่านมากกว่า เพราะโทนสีสดจากกล้องของ Olympus จะสดใสกว่า contrast จัดกว่า และยังมีโฟกัสจับหน้าด้วย ถ้าถือด้วยมือข้างเดียวแล้วมองจอหลังถ่าย ก็มีระบบกันสั่นมาช่วยอีกแรง แล้วยังมี art filter ให้เล่นอีกเพียบ อุปกรณ์เสริมอีกมากมาย

แล้วมีอะไรบ้างที่ไม่ถูกใจกล้องตัวนี้?

ไล่เป็นรายการเลยดีกว่า

  • เรื่องใหญ่ที่สุดสำหรับผม คือ ระบบแมนวลโฟกัสที่แย่มากจนใช้งานจริงแทบไม่ได้ มันน่าผิดหวังมากที่เราสามารถปรับความไวชัตเตอร์และช่องรับแสงได้บนวงแหวน แต่การปรับโฟกัสกลับเป็นการหมุนวงแหวนให้มอเตอร์ไปหมุนเลนส์อีกทีเหมือนระบบ micro 4/3 แต่วงรอบในการหมุนนั้นกว้างมาก จาก infinity มาใกล้สุดต้องหมุนประมาณ 4-5 รอบ!? ใครคิดว่ามันจะมาแทน rangefinder ต้องบอกว่าไม่มีทาง (หลายคนหาทางออกโดยการใช้ปุ่ม AF-L เป็นการ auto focus แล้วปรับละเอียดด้วยการหมุนมือทีหลัง แต่มันไม่เหมือนกัน!)
  • โฟกัสในที่แสงดีจะไวไม่แพ้อีเพ็ญ แต่ถ้าแสงน้อยจะช้าลงมาาาก จนน่าหงุดหงิด
  • ข้อจำกัดแปลกๆ ที่เกิดจากการออกแบบ เช่น ระยะโฟกัสใกล้สุดที่ 80 cm ถ้าไม่เข้าโหมดมาโคร, ใช้ความไวชัตเตอร์มากกว่า 1/1000s ที่ f/2-2.8 ไม่ได้
  • ปุ่มปรับ AF-MF อยู่ในตำแหน่งที่ทำให้ถือกล้องเล็งอยู่แล้วปรับไม่สะดวกนัก
  • ระบบวัดแสงเฉพาะจุด ไม่สามารถเลื่อนบริเวณที่จะวัดแสงตามจุดโฟกัสได้ จะคงอยู่จุดกลางภาพเท่านั้น
  • เวลาเปลี่ยนโหมดการถ่ายภาพ (P, S, A, M) ค่า ISO จะไม่คงอยู่ที่ค่าเดิม แต่จะเปลี่ยนไปเป็นค่าสุดท้ายที่เคยตั้งเมื่อใช้โหมดนั้น
  • ใช้แบตเตอรี่ก้อนเล็กของกล้องคอมแพค ทำให้ถ่ายได้เพียงประมาณเกือบ 300 ภาพเท่านั้น
  • ปุ่มวงแหวนด้านหลัง และปุ่ม OK ดูก๋องแก๋งมาก กดลำบาก
  • ควรจะมีปุ่มที่ customize ให้ปรับค่าต่างๆ ได้มากกว่านี้ ตอนนี้มีปุ่ม fn ปุ่มเดียวที่หลายคนมักจะใช้เป็นการปรับ ISO ส่วนปุ่ม RAW ไม่ค่อยได้ประโยชน์
  • เท่าที่ใช้มาเดือนกว่าๆ มีการกล้องแฮงค์ ถึงกับต้องถอดแบต เกิดขึ้นหลายครั้ง
  • รูสำหรับติดขาตั้งกล้อง ไม่อยู่ตรงกลางของแกนเลนส์ ทำให้เวลาตั้งขาแล้วแพนกล้องถ่ายพาโนรามาจะไม่ได้มุมเนี้ยบเป๊ะๆ
  • แฟลชที่ออกมาให้ใช้คู่กัน หน้าตาไม่หล่ออย่างแรง ไม่ได้ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะเหมือนของอีเพ็ญ น่าจะเอาของ OEM มาปะยี่ห้อ

สังเกตว่า ไม่มีจุดที่ไม่ชอบในเรื่องคุณภาพของภาพที่ได้เลย มีแต่เรื่อง usability ล้วนๆ 😉

คิดว่าราคามันแพงไปไหม?

กับราคาสามหมื่นต้นๆ อาจจะดูแพงกว่ากล้อง mirrorless ตัวอื่นที่ออกมาไล่ๆ กัน เช่น Olympus E-PL2, Lumix GF2 หรือ Sony NEX แต่กล้องเหล่านั้นไม่มี viewfinder ต้องซื้อเป็นอุปกรณ์เสริม ซึ่ง electronic viewfinder (EVF) ของ Panasonic ก็ราคากว่าครึ่งหมื่น ทั้งที่คุณภาพไม่ได้ดีเท่าไหร่ (จอภาพเล็ก, ความละเอียดต่ำ) ส่วนของ Olympus ที่ดีมากๆ (จอใหญ่, ความละเอียดสูง) ก็ราคาเกือบหมื่นบาท สำหรับคนที่นิยมการถ่ายภาพโดยมองจากจอ อาจจะคิดว่าไม่คุ้มที่จะซื้อ EVF แต่หลายคนที่ต้องการก็ยอมจ่าย ดังนั้นถ้าคิดว่า X100 ให้ viewfinder ที่น่าจะเรียกว่าดีที่สุดในท้องตลาดมาให้ด้วยแล้ว กล้องตัวนี้ก็จะดูสมราคาขึ้นมาทันที

เพื่อนผมคนนึงที่ใช้ Leica อยู่ เอา X100 ไปลองแล้วบอกว่า “M9 มันสามแสน ไอ้ตัวนี้สามหมื่น ถ่ายได้แบบนี้ บิลด์มาเนี้ยบขนาดนี้ คุ้มแล้ว!” (โปรดใช้วิจารณญาณ) ในขณะที่อีกคนหนึ่งที่ไม่รู้เรื่องการถ่ายภาพอะไรเลย หยิบ X100 ไปลองแล้วก็ถามว่า “ช่องมองนี่ปรับโหมดแล้วมันต่างกันยังไงเหรอ ดูจอหลังถ่ายง่ายกว่า” ถ้าคิดอย่างคนหลังก็ไปซื้อตัวอื่นเถอะครับ

สรุปว่ากล้องตัวนี้เหมาะกับใคร?

เป็นคนที่น่าจะมีประสบการณ์ใช้กล้องฟิล์มกลไกมาก่อน อยากได้กล้องที่ให้คุณภาพดีมากๆ แต่ไม่อยากแบกกล้องตัวเขื่องกับบ้องข้าวหลาม มีความใจเย็นและบรรจงในการถ่ายภาพ ขยันหามุมมองใหม่ๆ ไม่นิยมการปรุงแต่งภาพด้วยเอฟเฟคมากมาย ขี้เกียจปรับนู่นนี่นั่นเยอะแยะ

ส่วนคนที่อยากได้เพราะมันหล่อ มันเก๋ ขอเตือนไว้ก่อนว่ามันไม่ง่ายที่จะคุมเจ้าตัวนี้ให้อยู่แล้วรีดประสิทธิภาพมันออกมาให้เต็มที่ และกล้องมันไม่ได้ฉลาดขนาดยกขึ้นมากดแล้วก็ภาพชัดสวย ถ้าคิดอย่างนั้นให้ไปซื้อ E-PL1, E-PL2 หรือ Panasonic GF1, GF2 จะดีกว่า

เมื่อไม่นานมานี้ผมเพิ่งไปเที่ยวฝรั่งเศสมา ตอนแรกก็เกือบจะเอา E-P2 กับเลนส์ 3 ตัวไปทริปนี้ เพราะ X100 ก็ยังใช้ไม่ค่อยคล่อง แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเอา X100 ไปตัวเดียว โชคดีที่การเดินเที่ยวด้วยตัวเอง (ไม่ใช่ทริปด่วนประเภทชะโงกทัวร์) ก็ทำให้มีเวลาเหลือเฟือในการค่อยๆ เดิน ค่อยๆ ถ่าย ภาพที่ออกมาก็เลยค่อนข้างจะถูกใจ บอกตัวเองได้แล้วว่าตัดสินใจไม่ผิดที่ซื้อมาใช้ เชิญชมได้บน flickr ของผมครับ

สุดท้าย ถ้าใครอ่าน blog นี้แล้วมีคำถามอะไร เชิญฝากคอมเมนท์ไว้ได้ และถ้าใครไปซื้อมาใช้แล้ว ก็อย่าลืมมาแชร์รูปให้ดูกันด้วยนะครับ ขอบคุณที่อ่านมาจนจบครับ

12 Responses to “Fujifilm FinePix X100”

  1. ตามมาอ่านด้วยคนนะครับ

  2. ตามมาอ่านด้วยคนครับ เขียนได้ดีทีเดียวครับ เห็นด้วยเกือบทุกเรื่องเลยครับ .. ขอบคุณมากครับ ^_^

  3. ตาโอ Says:

    May 16th, 2011 at 13:35

    ขอบคุณสำหรับรีวิวภาคภาษาไทยครับ ^^

  4. […] X100 ไว้ที่นี่: Wee Viraporn | Fujifilm FinePix X100) ซึ่งก็ทำให้ความอยากได้ X100 […]

  5. อ่านแล้ว ซื้อมาแล้ว
    อีกอันที่ไม่ชอบ คือ ตอน load ภาพเข้า comp มันมาทั้งหมด
    ไม่มาเฉพาะอันที่ยังไม่เคย load

  6. พู่ Says:

    July 31st, 2011 at 21:50

    อ่านแล้วอยากได้มาครอบครองมากค่ะ แต่มาสะดุดตรงคำเตือน ฮ่าๆ
    เป็นคนไม่รู้เรื่องกล้องแต่ติดใจเจ้าตัวนี้มาก

  7. ขอบคุณสำหรับความรู้และความเห็นที่นำเสนอครับ มีประโยชน์มากเลยครับ

  8. ขอบคุณมากครับ เขียนได้น่าสนใจมากๆ เดี๋ยวจะติดตามเรื่อยๆนะครับ…

  9. ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆครับ อยากจะสอยเลยจริงๆ

  10. ผมชอบประโยคนี้มากๆ “ไม่นิยมการปรุงแต่งภาพด้วยเอฟเฟคมากมาย”

    ภาพพาโนฯ สวยครับ

  11. ขอบคุณมากครับ หัวข้อและคำตอบ สรุปได้แบบลงตัว สำหรับการตัดใจซื้อกล้องตัวนี้ครับของผมครับ

  12. กำลังตัดสินใจซื้อเจ้าตัวนี้อยู่ค่ะหาข้อมูลมานานก็ชั่งใจในข้อจำกัดของมันสามารถยอมรับได้ แล้วได้มาเจอบทความนี้เขียนได้ดีมากทำให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นเยอะเลยค่ะ โดยส่วนตัวไม่ชอบการปรุงแต่งเหมือนกันค่อยๆ บรรจงถ่ายไปทีละภาพมากกว่า ขอบคุณสำหรับบทความนะคะ

Leave a Reply

You must be logged in to post a comment.